ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ม.ป.ช. ม.ว.ม. อ.ป.ร. ๑ หรือ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (นามเดิม ถวัลย์ ธารีสวัสดิ์; 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 — 3 ธันวาคม พ.ศ. 2531) เป็นทหารเรือและนักการเมืองชาวไทย อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 8 และเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาระหว่าง 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ถึง 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ประวัติชีวิตตอนต้นและการศึกษาถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ มีนามเดิมว่า ถวัลย์ ธารีสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 ณ ตำบลหัวรอ อำเภอรอบกรุง (ปัจจุบันคืออำเภอพระนครศรีอยุธยา) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคนที่สามจากทั้งหมดห้าคนของนายอู๋ กับนางเงิน ธารีสวัสดิ์ มีพี่น้องคือ โต๊ะ คล่องการเขียน, ละเอียด แจ้งยุบล, เชวง ธารีสวัสดิ์ และประเสริฐ ธารีสวัสดิ์[3] ถวัลย์เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนตัวอย่างประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2453 แล้วลาออกเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2460 ก่อนเข้าศึกษาแผนกครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2460 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 ณ โรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2461 ต่อมาได้ฝึกหัดครูเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2461 แต่มิต้องอัธยาศัย จึงสอบเขาศึกษาโรงเรียนนายเรือเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2463[4] และได้ศึกษาวิชากฎหมายจนสำเร็จได้เป็นเนติบัณฑิตไทย ในขณะที่รับราชการอยู่ในกองทัพเรือ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และราชทินนามเป็น หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ครอบครัวถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ มีภรรยาสามคน และมีบุตรทั้งหมดแปดคน ได้แก่[5]
ชีวิตการเมืองพล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เข้าร่วมในการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 โดยตัดสินใจเป็นสมาชิกคณะราษฎรเพียง 1 วันเท่านั้นก่อนการปฏิวัติ จากการชักชวนของ หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) เพื่อนนายทหารเรือด้วยกัน ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายทหารเรือในคณะราษฎร หลังจากที่ได้ทาบทามมาก่อนหน้านั้น โดยมาชักชวนถึงที่บ้านพักในตรอกวัดสามพระยาวรวิหาร บางขุนพรหม ในเวลาเย็น จึงตัดสินใจเข้าร่วมด้วยในขณะนั้น โดยในเวลาประมาณ 03.00 น. ของเช้าวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475ซึ่งเป็นวันปฏิวัติ พล.ร.ต.ถวัลย์ ขณะนั้นอยู่ในยศ เรือเอก (ร.อ. ชื่อ ร.น.)ได้ออกจากบ้านพักมาคนเดียวด้วยรถลาก มาที่ท่าราชวรดิฐ ซึ่งเป็นจุดนัดพบตามแผน ซึ่ง พล.ร.ต.ถวัลย์ ได้พกปืนพกขนาด 6.35 มิลลิเมตร (6.35 ม.ม.) พร้อมด้วยกระสุนมาด้วย [6] จากนั้นเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จแล้ว ได้เริ่มบทบาททางการเมืองโดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 (ส.ส.ประเภทที่ 2) และได้เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรี ครั้งแรกในสมัยรัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เมื่อปี พ.ศ. 2476 และเมื่อปี พ.ศ. 2477 ภายหลังจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ทรงสละราชสมบัติ ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ที่ประทับอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 ในราชวงศ์จักรีสืบไป ในปี พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2481 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในสมัยรัฐบาลของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เขาเคยทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าสำนักงานโฆษณาการ (หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) ในปี พ.ศ. 2476[7] ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเพิ่มเติม สิงหาคม พ.ศ. 2489 ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 4 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจาก นายปรีดี พนมยงค์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งนั้น ประเทศอยู่ในภาวะหลังสงคราม เศรษฐกิจของประเทศกำลังทรุดหนัก พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้แก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจด้วยการจัดตั้งองค์การสรรพาหารขึ้น โดยการซื้อของแพงมาขายถูกให้แก่ประชาชนเพื่อตรึงราคาสินค้าไม่ให้สูง และเรียกเก็บธนบัตรที่ฝ่ายสัมพันธมิตรนำเข้ามาใช้จ่ายจากประชาชนด้วยการออกธนบัตรใหม่ให้แลก รวมทั้งนำเอาทองคำซึ่งเป็นทุนสำรองของชาติออกขายแก่ประชาชน และจากเหตุการณ์นี้ทางรัฐบาลและรวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นในการส่งข้าวออกขายนอกประเทศ โดยนำข้าวชั้นดีไปขายเหลือแต่เพียงข้าวหักสำหรับเลี้ยงสัตว์ไว้ให้ประชาชนบริโภคเองในประเทศ รวมถึงการคอร์รัปชั่นประการต่าง ๆ ในรัฐบาล ทำให้ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการอภิปรายครั้งแรกด้วยที่มีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุ แม้จะได้รับเสียงส่วนมากไว้วางใจ แต่กระแสกดดันที่รุนแรงทำให้ท่านต้องลาออกในวันรุ่งขึ้น และได้รับเลือกกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อทันที [8] ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นมีความแตกแยกกันเองในหมู่นักการเมืองและประชาชนค่อนข้างมากหลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และเหตุอื่น ๆ บทบาทของท่านในช่วงนี้ คือ การเจรจาทำความเข้าใจกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อประสานรอยร้าว จนได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า "นายกฯลิ้นทอง" แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นจนนำไปสู่การรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490[9] หลังรัฐประหารแล้ว ท่านต้องเดินทางออกนอกประเทศไปลี้ภัยอยู่ที่ฮ่องกงระยะหนึ่ง แล้วจึงกลับประเทศไทย และได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้นใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบต่อมา พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมอายุได้ 87 ปี พระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2532 ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส นับเป็นทหารเรือคนแรกและคนเดียวจนถึงปัจจุบัน ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยศยศทหาร
ตำแหน่งทางวิชาการ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ดูเพิ่มอ้างอิง
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
|