ทางรถไฟสายคอคอดกระ
ทางรถไฟสายคอคอดกระ เป็นทางรถไฟทหารข้ามพื้นที่คอคอดกระ (ชุมพร–กระบุรี) ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วถูกรื้อถอนไปหลังสิ้นสุดสงคราม สำหรับการสร้างเส้นทางรถไฟ สายชุมพร-กระบุรี-คลองละอุ่น นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อลำเลียงเสบียงอาหาร กำลังพล อาวุธหนักจากจังหวัดชุมพรไปฝั่งอันดามัน ประวัติริเริ่มการก่อสร้างเส้นทางในรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรงกับยุคที่สหราชอาณาจักรแผ่แสนยานุภาพครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีปแอฟริกาและเอเชียตะวันออก ซึ่งการการรถไฟของประเทศอังกฤษมีความก้าวหน้ามาก ถึงกับสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียมีพระราชไมตรี ส่งรถไฟจำลองที่เป็นเครื่องราชบรรณาการ ที่มีแบบรถไฟจำลองย่อส่วนจากของจริง ประกอบด้วยรถจักรไอน้ำและรถพ่วงครบขบวน เดินบนรางด้วยแรงไอน้ำทำนองเดียวกับรถใหญ่ที่ใช้อยู่ในเกาะอังกฤษมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงคิดสถาปนากิจการรถไฟขึ้นในราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกับสหราชอาณาจักรบ้าง ต่อมามิสเตอร์ไวซ์ แห่งบริษัทลอยด์ในกรุงลอนดอน ก็ได้ส่งหนังสือมายังรัฐบาลสยาม มีใจความสำคัญ "เพื่อขอสัมปทานสร้างทางรถไฟสายแรกขึ้นในประเทศสยาม มีเส้นทางจากชายฝั่งทะเลอันดามันด้านมหาสมุทรอินเดียข้ามคอคอดกระไปจรดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยทางด้านตะวันออก โดยจะขอแผ่นดินสองข้างทางรถไฟข้างละประมาณ 5 ไมล์ โดยบริษัทจะมีอำนาจสิทธิขาดเหนือแผ่นดินนั้น ตลอดทั้งสินแร่ทรัพยากรในที่ดินดังกล่าวจะต้องตกเป็นของบริษัทด้วย นอกจากนั้นถ้าหากรัฐบาลสยามต้องการจะสร้างทางรถไฟสายใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ บริษัทก็ยินดีจะจัดหาวิศวกรและรางเหล็กให้แก่รัฐบาลสยาม"[1] ทางฝ่ายอังกฤษได้จัดตั้งบริษัท "บริษัทรถไฟสยาม" เพื่อบริหารโครงการนี้ ฝ่ายรัฐบาลสยามได้ตอบรับยอมให้บริษัทรถไฟสยามสร้างทางรถไฟข้ามคอคอดกระเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ได้ แต่จะต้องทำตามเงื่อนไขบางประการของฝ่ายไทย โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายคอคอดกระในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงยุติไป สงครามโลกครั้งที่สองและการก่อสร้างในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2486 ได้มีการตกลงร่างข้อตกลงเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟผ่านคอคอดกระ ระหว่างรัฐบาลไทย กับตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตัวแทนฝ่ายไทย และอาเกโต นากามูระ ตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่น[2] ทหารญี่ปุ่นได้ลงมือก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ยาวประมาณ 90 กิโลเมตร การจัดหาไม้หมอน ไม้สะพาน และหินนั้น ทหารญี่ปุ่นได้จัดหาเองและให้นายช่างฝ่ายไทยร่วมด้วยรางรถไฟจะเป็นรางขนาด 50 ปอนด์ และ 60 ปอนด์/หลา โดยนำรางเหล็กมาจากมลายู การรื้อถอนทางวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2488 ทหารญี่ปุ่นได้ทำการรื้อถอนทางรถไฟสายนี้บางช่วง โดยแจ้งฝ่ายไทยว่าจะนำไปซ่อมแซมในเส้นทางรถไฟสายใต้ที่ถูกโจมตีด้วยระเบิด ต่อมากองทัพญี่ปุ่นเสนอยอมแพ้สงครามเมื่อ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ทหารสหประชาชาติได้เข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในไทยเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ต่อจากนั้นทหารอังกฤษจึงได้รื้อทางรถไฟสายนี้ต่อจากญี่ปุ่น แล้วนำกลับไปมลายูลำเลียงโดยรถไฟ [3] ต้นปี พ.ศ. 2556 มีการขุดพบซากทางรถไฟสายดังกล่าว ขณะปรับเส้นทางขยายเส้นทางจราจรของถนนเพชรเกษม ช่วงอำเภอกระบุรี-ละอุ่น โดยพบเป็นเหล็กหล่อขนาดความยาว 4 เมตร ประมาณ 8 ท่อน อยู่ในลักษณะบิดเบี้ยวและโค้งงอ บางท่อนมีสภาพฉีกขาดคล้ายถูกระเบิด[4] เส้นทางและสถานีทางรถไฟสายคอคอดกระ เป็นทางรถไฟรางเดี่ยว ขนาดความกว้างรางรถไฟ 1.000 เมตร (มิตเตอร์เกจ) ขนาดตัวรางเหล็ก 40-50 ปอนด์/หลา ตัวสถานีทำด้วยไม้ไผ่และไม้เนื้ออ่อน ก่อสร้างอย่างง่าย มีหลังคาเป็นสังกระสี มีสถานีตลอดรายทางจากชุมพรถึงเขาฝาชี จำนวน 7 สถานี ดังนี้ โครงการในอนาคตกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันได้มีการเสนอ การสร้างทางรถไฟ และผลการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการจราจร ได้มีการเสนอแนวทางไว้ คือ เส้นทางชุมพร - ระนอง ระยะทาง 83 กิโลเมตร [5] ซึ่งเป็นแนวความคิดทางรถไฟสายคอคอดกระ อ้างอิง
|