ทางยกระดับอุตราภิมุข
ทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า โทลล์เวย์ เป็นทางด่วนสายหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งการบริหารจัดการทางยกระดับเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ทางยกระดับดินแดง–ดอนเมือง เป็นทางยกระดับบนถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31) และเป็นทางหลวงสัมปทาน และส่วนทางยกระดับอนุสรณ์สถาน−รังสิต เป็นทางยกระดับบนถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 มีแนวสายทางเริ่มต่อจากบริเวณเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร แล้วสิ้นสุดเส้นทางที่หน้าสำนักกษาปณ์ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี รวมระยะทางทั้งสิ้น 28.224 กิโลเมตร[1] โดยเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ประวัติวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างทางยกระดับอุตราภิมุข คือ การแก้ปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธิน โดยในระยะแรก กรมทางหลวงมีโครงการที่จะขยายช่องจราจรของถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเป็นการรองรับการสัญจรของรถยนต์ที่จะไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกวัน จนติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่อุปสรรคของการขยายช่องจราจรคือ มีบ้านเรือนตั้งอยู่ริมเส้นทางเป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถขยายช่องจราจรได้ กรมทางหลวงจึงมีแนวคิดที่จะสร้างเป็นทางยกระดับซ้อนทับบนถนน โดยใช้พื้นที่เกาะกลางถนนเพื่อรองรับโครงสร้าง แต่เนื่องจากในขณะนั้นงบประมาณของกรมทางหลวงมีไม่เพียงพอ จึงได้เสนอให้เอกชนได้เข้าร่วมประมูลโครงการเพื่อบริหารจัดการ โดยบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง ได้ชนะประมูล และบริหารเส้นทางมาจนถึงปัจจุบัน ตำนานยักษ์แบกเสาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ที่เริ่มมีการก่อสร้างทางยกระดับอุตราภิมุขขึ้น ซึ่งในระหว่างการก่อสร้างก็เกิดอุปสรรคขึ้นมากมาย ไม่ราบรื่นและติดขัด จนกระทั่งช่วงที่จะทำการยกเสาต้นนี้ขึ้น ก็เกิดอุปสรรคขึ้นอีก ทำอย่างไรก็ยกเสาไม่ขึ้น พอสร้างมาถึงห้าแยกลาดพร้าว ต้องสร้างทางยกระดับเหินข้ามแยกลาดพร้าว แต่สร้างเสาและคานได้ไม่กี่วันก็พังลงมาทับคนเสียชีวิต ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้ง ทั้งที่ทำถูกต้องตามหลักวิศวกรรมทุกประการ ทำให้สร้างต่อไม่ได้ และมีคนงานเสียชีวิตจำนวนมาก เสายกขึ้นไม่ได้ โดยที่แยกอื่น ๆ ไม่มีปัญหาแบบแยกลาดพร้าว จนกระทั่งมีผู้แนะนำให้ปั้นรูปยักษ์แบกถนนไว้ที่เสาเพื่อแก้เคล็ด ทางโครงการจึงได้ขอให้กรมศิลปากรช่วยปั้นยักษ์สองตนขึ้นมา โดยการแกะสลักยักษ์ทำท่าแบกเสา ปรากฏว่าเกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้นอย่างมาก เพราะเมื่อแกะสลักรูปยักษ์เสร็จ เสาต้นนั้นก็ยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย และสถานะการเงินของโครงการดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้คนต่างใช้งานทางด่วนแห่งนี้มากขึ้น และไม่ค่อยมีอุบัติเหตุอย่างเมื่อก่อน และในปัจจุบันยักษ์แบกเสาก็ยังคงอยู่ที่เดิม โดยมี 2 จุด ได้แก่ ทางลงสะพานข้ามแยกสุทธิสารฝั่งขาออก 1 ตน และ ทางลงสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวฝั่งขาเข้า 1 ตน[2] รายละเอียดของเส้นทางทางยกระดับดินแดง−อนุสรณ์สถานแห่งชาติทางยกระดับดินแดง−อนุสรณ์สถานแห่งชาติ หรือ ทางยกระดับดินแดง–ดอนเมือง เป็นทางหลวงสัมปทานประเภททางยกระดับ อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง แต่ได้ถูกกำหนดเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) มีระยะทาง 20.897 กิโลเมตร โดยสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2577[3] มีแนวสายทางเริ่มจากปลายทางพิเศษเฉลิมมหานครในเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร มุ่งไปทางทิศเหนือ โดยใช้พื้นที่เกาะกลางถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 5+700 ถึงกิโลเมตรที่ 26+597 ผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วสิ้นสุดช่วงนี้ที่ทางแยกต่างระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ โดยเปิดให้บริการในช่วงดินแดง−หลักสี่ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2537 และเปิดให้บริการช่วงหลักสี่−อนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2541 พร้อมกันกับช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ−รังสิต ทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ−รังสิตทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ−รังสิต เป็นทางยกระดับที่เป็นส่วนต่อขยายจากทางยกระดับอุตราภิมุข มีระยะทาง 7.327 กิโลเมตร (4.553 ไมล์) กำหนดเป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 38 อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง เริ่มต้นบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซ้อนอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิตตั้งแต่ช่วงกิโลเมตรที่ 26+597 ถึงกิโลเมตรที่ 28+500 และถนนพหลโยธินช่วงกิโลเมตรที่ 28+500 ถึงกิโลเมตรที่ 33+924 และสิ้นสุดบนถนนพหลโยธินบริเวณหน้าสำนักกษาปณ์ ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ทางยกระดับช่วงนี้ไม่มีการเก็บค่าผ่านทาง โดยได้มีการยกเลิกการเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547[4] จึงกำหนดสถานะให้เป็นทางหลวงแผ่นดิน แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศเปลี่ยนประเภททางหลวงในส่วนนี้จากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 38 เป็นทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 กิโลเมตรที่ 20+897 − 28+224 เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายที่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 อยู่แต่เดิม โดยยังเป็นส่วนหนึ่งของทางยกระดับอุตราภิมุขตามเดิม โดยประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน และมีผลบังคับใช้ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 19 พฤศจิกายน ทำให้ในปัจจุบัน ทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ−รังสิต เป็นส่วนเริ่มต้นของทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 และเป็นส่วนเดียวของทางหลวงนี้ที่เปิดการจราจรอยู่ในปัจจุบัน โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง แต่สังกัดกรมทางหลวงตามเดิม[5] ทางขึ้น-ทางลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ดินแดง-รังสิต)
ฝั่งขาออกรังสิต
ฝั่งขาเข้าดินแดง
รายชื่อทางแยก และทางต่างระดับ
โครงการส่วนต่อขยายปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข จากหน้าสำนักกษาปณ์ ไปยังประตูน้ำพระอินทร์ เพื่อไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 รวมถึงทางเชื่อมต่อทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ที่ทางแยกต่างระดับบางปะอิน 1 อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 22 กิโลเมตร และเมื่อรวมกับโครงการเดิมจะมีระยะทางทั้งสิ้น 50.224 กิโลเมตร[6] ภายหลังได้รวมส่วนต่อขยายนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษหมายเลข 5[7] โดยคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร อนุมัติให้ก่อสร้างโครงการนี้เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567[8] นอกจากนี้ยังมีโครงการเชื่อมต่อกับทางพิเศษประจิมรัถยา ที่ทางแยกต่างระดับรัชวิภา เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ระยะทาง 2 กิโลเมตร เพื่อเป็นทางลัดสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง, สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์, หมอชิต 2 และผู้ที่ต้องการเดินทางข้ามฝั่งภายในกรุงเทพมหานคร สามารถสัญจรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ค่าธรมเนียมผ่านทางนี่คืออัตราค่าผ่านทางของทางยกระดับ อัตราค่าผ่านทางเป็นสกุลเงินบาท (รถยนต์ 4 ล้อ/รถยนต์ 6 ล้อ (ขึ้นไป)
ปรับขึ้นตามสัมปทาน ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2567-21 ธันวาคม 2572 อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|