ฮาร์บิน
ฮาร์บิน[5] (แมนจู: , ᡥᠠᡵᠪᡳᠨ ) หรือภาษาจีนกลางเป็นที่รู้จักว่า ฮาเอ่อร์ปิน[5] (จีนตัวย่อ: 哈尔滨; จีนตัวเต็ม: 哈爾濱; พินอิน: Hā'ěrbīn) เป็นเมืองหลวงของมณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน[6] ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำซงหัว ฮาร์บินเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต และยังเป็นศูนย์กลางทางด้านการปกครอง เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการสื่อสารคมนาคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จึงถือได้ว่าเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของจีนและของเอเชียด้านตะวันออกเฉียงเหนือ[7] คำว่า ฮาร์บิน เป็นคำในภาษาแมนจู มีความหมายว่า "สถานที่ตากแห (จับปลา)"
ฮาร์บินมีสมญานามว่า 'ไข่มุกบนคอหงส์' เนื่องจากสัญฐานของมณฑลเหยหลงเจียงมีลักษณะคล้ายหงส์ ส่วนสมญานามอื่น ๆ คือ 'มอสโกแห่งตะวันออก' หรือ 'ปารีสแห่งตะวันออก' เนื่องจากลักษณะสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนในเมืองคล้ายกับในมอสโกหรือปารีส และฮาร์บินยังเป็นที่รู้จักในชื่อ 'เมืองแห่งน้ำแข็ง' เพราะมีฤดูหนาวที่ยาวนานและหนาวเย็นมาก เขตการปกครองย่อย8 เขต:
3 นครระดับอำเภอ:
7 อำเภอ:
ประวัติศาสตร์ประวัติการตั้งถิ่นฐานในบริเวณเมืองฮาร์บินสามารถย้อนหลังไปได้อย่างน้อยถึง 2,200 ปีก่อนคริสตกาล (ปลายยุคหิน) ในขณะนั้นบริเวณนี้มีชื่อเรียกว่า Pinkiang ในปี พ.ศ. 2441 หมู่บ้านเล็กๆถูกพัฒนาและขยายเป็นเมืองสมัยใหม่ พร้อมกับการเริ่มต้นการสร้างทางรถไฟจีนสายตะวันออก (KWZhD) โดยรัสเซีย และการขยายเส้นทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย ซึ่งช่วยย่นระยะทางไปสู่วลาดีวอสตอคและเชื่อมโตเส้นทางไปสู่เมืองท่า Dairen (Dalnii) และฐานทัพเรือรัสเซีย Port Arthur หลังจากที่รัสเซียพ่ายแพ้ในสงครามกับญี่ปุ่น (2447-2448) อิทธิพลและอำนาจของรัสเซียก็เสื่อมถอยลง ทำให้มีผู้คนหลายพันเชื้อชาติจาก 33 ประเทศ ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย เดินทางเข้ามายังฮาร์บิน มี 16 ประเทศก่อตั้งสถานกงสุล และสร้างบริษัททางด้านอุตสาหกรรม การพาณิชย์ และการเงินหลายร้อยแห่งขึ้นในฮาร์บิน ทางจีนเองก็ได้ริเริ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมด้านการผลิตเหล้า อาหาร และสิ่งทอ การเจริญเติบโตเช่นนี้ทำให้ฮาร์บินมีสถานะเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และเป็นเมืองธุรกิจระดับนานาชาติ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2461 ระหว่างสงครามกลางเมืองรัสเซีย กองกำลัง White Guards ของรัสเซียซึ่งเป็นฝ่ายแพ้ ได้รวมตัวกับผู้ลี้ภัย หลบหนีมายังฮาร์บิน ทำให้ฮาร์บินเป็นศูนย์กลางของผู้ลี้ภัยรัสเซียฝ่ายขาว และกลายเป็นชุมชนชาวรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่นอกอาณาเขตรัสเซีย ต่อมาชาวรัสเซียเชื้อสายยิวได้ก่อตั้งชุมชนชาวยิวขึ้นในฮาร์บิน และรับเอาชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่หลบหนีจากนาซีเยอรมันมารวมตัวด้วยเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2478-2482 นอกจากนี้ ชาวรัสเซียในฮาร์บินยังได้วางระบบโรงเรียนตามแบบรัสเซียขึ้น และมีการตีพิมพ์หนังสือพิมพ์และนิตยสารภาษารัสเซียวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปในเมือง ในปี พ.ศ. 2478 หลังจากที่ทางรถไฟสาย KWZhD ถูกขายให้แก่ญี่ปุ่น ฮาร์บินได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ แมนจูกัว ในอาณัติของญี่ปุ่น ต่อมาหลังปี พ.ศ. 2489 ฮาร์บินตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีอำนาจเหนือภูมิภาคแถบนั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2493-2497 กลุ่มชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งมีทั้งชาวรัสเซีย เยอรมัน โปแลนด์ กรีก และอื่น ๆ ได้อพยพออกจากเมืองไปยังออสเตรเลีย บราซิล และสหรัฐอเมริกา บางส่วนก็ถูกส่งตัวกลับประเทศเดิม ขณะที่ชาวรัสเซียอีกหลายพันคนที่หลบหนีจากกองกำลังคอมมิวนิสต์ก่อนเกิดสงครามได้ถูกสังหารโดยทหารโซเวียต และมีอีกจำนวนมากที่ถูกส่งตัวไปยังสหภาพโซเวียต จนถึงปี พ.ศ. 2531 ชุมชนชาวรัสเซียเดิมมีผู้อาศัยอยู่เพียง 30 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น เหตุการณ์สารพิษรั่วไหลที่โรงงานผลิตเบนซีนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 โรงงานผลิตเบนซีนที่ตั้งอยู่ในเมืองจีหลิน ทางด้านต้นน้ำแม่น้ำซงหัว ได้เกิดระเบิดขึ้น ระดับของเบนซีนได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 100 เท่าของระดับปกติ ทำให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบในฮาร์บินต้องปิดเส้นทางน้ำ ผู้อยู่อาศัยในเมืองบางส่วนได้อพยพออกจากเมือง ขณะที่อีกบางส่วนต้องรีบเร่งไปซื้อน้ำบรรจุขวดเก็บไว้สำหรับดื่ม ต่อมาอีก 2-3 วัน น้ำในแม่น้ำได้รับการชำระสารเคมีเรียบร้อย โดยระหว่างนั้นทางผู้บริหารเมืองฮาร์บินได้ให้เหตุผลในการปิดเส้นทางน้ำว่าเพื่อตรวจสอบระบบการกักเก็บและจ่ายน้ำ และยังได้ปฏิเสธรายงานการรั่วไหลของสารเคมี โดยอ้างว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ลักษณะทางสถาปัตยกรรมฮาร์บินเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามที่สุดของจีน โดยเฉพาะในด้านสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากรัสเซียและยุโรป แต่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ถนนจงหยางเป็นถนนย่านธุรกิจสายหนึ่งในฮาร์บิน มีความยาว 1.4 กิโลเมตร ทอดตัวอยู่ในเขตเต้าหลี่ เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ทั้งลวดลายการตกแต่งอาคารแบบบารอคและไบแซนไทน์ อาคารสถาปัตยกรรมแบบยิว ร้านค้าเล็กๆแบบรัสเซีย บ้านเรือนแบบฝรั่งเศส ศูนย์อาหารแบบอเมริกัน และภัตตาคารญี่ปุ่น ในเขตเต้าหลี่นี้ยังเป็นที่ตั้งของวิหารเซนต์โซเฟีย ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์นิกายรัสเซียออร์ธอดอกซ์อีกด้วย วิหารเซนต์โซเฟียใช้เวลาสร้างอยู่ 9 ปี แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2475 ปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของฮาร์บิน อิทธิพลของรัสเซียทุกวันนี้ฮาร์บินยังคงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมรัสเซียเหมือนเมื่อครั้งอดีต ในอดีตเคยเป็นเมืองภายใต้การควบคุมของรัสเซีย ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขายกับรัสเซีย อิทธิพลจากวัฒนธรรมของรัสเซียเริ่มเผยแพร่เข้ามาเมื่อครั้งสร้างทางรถไฟสายจีนตะวันออกไกล และการขยายเส้นทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียน ในครั้งนั้นฮาร์บินซึ่งเคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ได้เริ่มพัฒนาขึ้นจนเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ กิจกรรมในฤดูหนาวฮาร์บินเป็นเมืองหนึ่งที่มีวัฒนธรรมเกี่ยวกับหิมะและน้ำแข็ง โดยทางภูมิศาสตร์แล้ว ฮาร์บินตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ในจุดที่ได้รับอิทธิพลจากลมหนาวในฤดูหนาวจากไซบีเรียโดยตรง ในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 21.2 °C และในฤดูหนาวจะอยู่ที่ -16.8 °C บางครั้งอาจลดลงถึง -38.1 °C เทศกาลงานแกะสลักหิมะและน้ำแข็งนานาชาติแห่งเมืองฮาร์บิน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม มีระยะเวลา 1 เดือน กิจกรรมในช่วงเวลาเทศกาลมีทั้งการแข่งขันสกี Yabuli Alpine การแข่งขันว่ายน้ำในแม่น้ำซงหัว และนิทรรศการโคมน้ำแข็งในสวนเจ้าหลิน อ้างอิง
|