สถานีรถไฟหัวหิน
สถานีรถไฟหัวหิน (อังกฤษ: Hua Hin Railway Station) เป็นสถานีรถไฟระดับหนึ่งบนเส้นทางรถไฟสายใต้ (กรุงเทพ–สุไหงโกลก) ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟห้วยทรายใต้ (เดิมระหว่างสถานีรถไฟหัวหินกับสถานีรถไฟห้วยทรายใต้เคยมีที่หยุดรถบ่อฝ้ายแต่ปัจจุบันได้ถูกยุบเลิกไปแล้ว) กับสถานีรถไฟหนองแก โดยเป็นสถานีรถไฟแรกในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อนั่งรถไฟเที่ยวไป และเป็นสถานีหนึ่งในโครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม - ชุมพร สถานีหัวหินก่อสร้างและเปิดเดินรถในสมัยรัชกาลที่ 6 ตัวสถานีและย่านเดิมมีจำนวนทาง 3 ทาง เป็นทางหลัก 1 ทาง ทางหลีก 2 ทาง โดยเป็นทางติดชานชาลา 2 ทาง ปัจจุบัน เป็นสถานียกระดับ ความสูง 2 ชั้น มีทางหลัก 2 ทาง ขนาบข้างด้วยชานชาลาด้านข้าง 2 ชานชาลา สถานีรถไฟหัวหินเป็นสถานีหนึ่งในโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ (สถานีกลางบางซื่อ) - ปาดังเบซาร์ ช่วงสถานีรถไฟกรุงเทพ - หัวหิน รหัสสถานี HS05 อยู่ระหว่างสถานีรถไฟเพชรบุรี กับสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ เปิดใช้งานประมาณปี พ.ศ. 2575 ประวัติสถานีรถไฟหัวหิน สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2454 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีเปิดการเดินรถระหว่างสถานีรถไฟชะอำ ถึงสถานีรถไฟหัวหินในวันที 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 หลังจากนั้นสถานีรถไฟหัวหินกลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการลงมาท่องเที่ยวชายทะเลเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับอาคารสถานีรถไฟหัวหินหลังแรกนั้นเป็นอาคารไม้ขนาดเล็ก ต่อมาใน พ.ศ. 2469 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ได้ทรงบัญชาการให้ยกอาคารไม้ที่ใช้สร้างศาลาในงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีแผนจะจัดที่สวนลุมพินีเมื่อปลายปี พ.ศ. 2468 แต่ไม่ได้มีการจัดงานจริงเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเสียก่อน และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งให้เลิกจัดงานดังกล่าว ศาลาหลังนี้จึงถูกถอดลงแล้วนำไปประกอบใหม่เป็นอาคารสถานีรถไฟหัวหินในปัจจุบัน[1] สถานีรถไฟหัวหินเป็นสถานีชั้น 1 ภายในย่านสถานีรถไฟหัวหินมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างทที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์หลายหลัง ได้แก่ อาคารสถานีรถไฟ พลับพลาพระมงกุฎเกล้า หอสัญญาณประแจกล อาคารที่ทำการต่างๆ และบ้านพักพนักงานการรถไฟ นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟมีห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหินตั้งอยู่โดยห้องสมุดนี้สร้างขึ้นด้วยการดัดแปลงตู้รถไฟเก่า 2 คันมาเชื่อมต่อกันด้วยอาคารทางเข้าชั้นเดียวยกพื้นสูง และมีหัวรถจักรไอน้ำมิกาโด หมายเลข 305 ตั้งแสดงอยู่ สิ่งก่อสร้างที่สำคัญอาคารสถานีอาคารสถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบอาคารไม้แบบบังกะโลและศิลปะตะวันตก ผังพื้นสถานีเป็นรูปตัวอี(E) วางขนานไปกับทางรถไฟ ผังอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนสถานีและส่วนชานชาลา แต่ละส่วนมีหลังคาคลุมของตนเอง โดยส่วนสถานีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านหน้าติดกับถนนทางเข้า ตรงกลางของส่วนนี้เป็นห้องรับรอง มุขปลายทั้ง 2 ด้านเป็นโถงโล่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินยาวตลอด แนวอาคารส่วนด้านหลังงติดกับส่วนชานชาลาเป็นเป็นห้องต่างๆ เรียงต่อกันโดยห้องซ้ายสุดเป็นห้องขายตั๋ว ถัดมาเป็นโถงพักคอย ห้องทำงานนายสถานีห้องปฏิบัติการเดินรถ ห้องรับส่งสินค้า และห้องขวาสุดเป็นห้องประชุม ระหว่างห้องรับรองหัองทำงานนายสถานี ห้องปฏิบัติการเดินรถ และโถงโล่งปลายอาคาร ทั้ง 2 ด้าน มีห้องโถงแจกขนาดเล็กทำหน้าที่เชื่อมต่อห้องต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน หลังคาส่วนสถานีเป็นหลังคาปั้นหยา ด้านหน้าอาคารมีมุขยื่น 3 มุข หลังคาลดชั้นมีจั่วขนาดเล็กด้านบน หนับันใต้จั่วมีลายฉลุตกแต่งสวยงาม ส่วนชานชาลาเป็นโครงสร้างไม้เซาะร่อง หลังคาจั่วหัวตัดบริเวณตรงกลาง และด้านข้างทั้งสอง ด้านหน้าบันใต้จั่วมีลายฉลุตกแต่ง หลังคาอาคารทั้งหมดมุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าว พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯพลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นพลับพลาจตุรมุขสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมมีชื่อว่า พลับพลาสนามจันทร์ ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พลับพลานี้มีไว้ในการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯเสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศทำการฝึกซ้อมยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี หลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนมาเก็บไว้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ต่อมาในปีพ.ศ. 2511 สมัยพันเอกแสง จุละจาริตต์ เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาเห็นว่าควรนำเครื่องอุปกรณ์ก่อสร้างของพลับพลาสนามจันทร์มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหินเพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การดำเนินการก่อสร้างนี้ใช้ช่างฝีมือคนไทยและได้มีการทำพิธีเปิดพลับพลาซึ่งได้ตั้งชื่อใหม่ว่า พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2517 โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน โรงแรมรถไฟหัวหินโรงแรมหัวหิน (โฮเต็ลหัวหิน) สร้างขึ้นโดยกรมรถไฟเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนชายทะเล และเป็นที่รักษาสุขภาพของพระบรมวงศานุวงศ์ ชาวต่างประเทศและคหบดี ประกอบด้วยอาคารหลัก 1 หลัง กลุ่มบังกะโล และพื้นที่โดยรอบที่มีการจัดสวนอย่างสวยงาม มีการเปิดใช้โรงแรมอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมกับสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน 9 หลุมแรก ในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2465 หลังจากนั้น ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2466 จึงเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการ อาคารหลักของโรงแรมออกแบบโดย เอ. ริกาซซิ (Mr. A. Rigassi) สถาปนิกชาวอิตาลี เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา มุงด้วยกระเบื้องว่าวสีแดง ผังพื้นอาคารเป็นรูปตัวแอล (L) ประกอบด้วยโถงกลางรูปกลม สองข้างของโถงกลางเป็นปีกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำมุมฉากกัน พื้นที่ชั้นล่างเป็นส่วนต้อนรับและบริการ ห้องอาหาร และเดอะมิเซียมคอฟฟี่แอนด์ทีคอร์เนอร์ พื้นที่ชั้นบนเป็นส่วนห้องพักทั้งหมด โดยมีระเบียงและทางเดินกว้างขนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลังของพื้นที่ใช้สอยส่วนต่าง ๆ ระหว่างเสาระเบียงแต่ละช่วงมีแผงกันแดดบานเกล็ดไม้ แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกให้เข้ากับภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย สำหรับบังกะโลเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง หลังคาเป็นทรงจั่ว ด้านหน้าเป็นระเบียงทางขึ้นขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในมีลักษณะโปร่งโล่งทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ให้โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน (Centara Grand Beach Resort & Villas Hua Hin) เป็นผู้เช่า ซึ่งได้มีการอนุรักษ์และพัฒนาอาคารหลัก กลุ่มบังกะโล และสวนไม้ดัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรักษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่สำคัญไว้ได้[1] ซึ่งในอดีตเคยมีทางรถไฟแยกเข้าไปทางโรงแรมแห่งนี้ แผนผังสถานีสถานีเดิม
สถานีปัจจุบัน
ตารางเดินรถ
เที่ยวไป
เที่ยวกลับ
ระเบียงภาพ
อ้างอิง
|