วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม
วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม พระอารามหลวงชั้นตรี[1] ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 1549 ถนนศรีสุมังค์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2330 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2499 ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2513 เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัดศรีสะเกษ ประวัติ[2]วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตั้งอยู่ที่บ้านเจียงอี ซึ่งเป็นชุมชนของชนชาติไทย เผ่าส่วย คำว่า "เจียงอี" เป็นภาษาส่วย "เจียง" แปลว่า "ข้าง" "อี" แปลว่า "ป่วย" รวมความว่า "เจียงอี" แปลว่า ข้างป่วย[3] ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทย เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์เสวยราชสมบัติอยู่นั้น ได้เกิดอาเพศขึ้น พระยาช้างเผือกแตกโรงหนี แล้วมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออก เลยเข้าเขตเมืองศรีสะเกษ พระเจ้าแผ่นดินทรงจัดให้ทหารนายกองจับข้างติดตามมาทันที่ลำธารแห่งหนึ่ง อยู่ในเขตอำเภอห้วยทับทัน ในปัจจุบัน ได้เห็นพระยาช้างแต่จับไม่ได้ ช้างวิ่งหนีไปทางทิศใต้ ถึงเชิงเขาพนมดงรัก หัวหน้าผู้ปกครองบ้านเมืองแถบนั้นก็พากันช่วยตามจับพระยาช้าง แล้วไปจับได้ที่เชิงเขาพนมดงรัก ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ในปัจจุบัน จึงนำกลับมา และได้นำส่งพระยาช้างเผือก เมื่อนำพระยาช้างเผือกมาถึงหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตัวเมืองศรีสะเกษ พระยาช้างได้ล้มป่วยลง เมื่อรักษาพยาบาลหายแล้วจึงได้เดินทางต่อไป ชาวบ้านเป็นไทยส่วย จึงเรียกหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านเจียงอี" คือบ้านช้างป่วย สืบมา วัดก็เรียกว่า "วัดเจียงอี" เช่นกันตามชื่อหมู่บ้าน ที่ตั้งและขนาดวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตั้งอยู่เลขที่ 1549 ถนนศรีสุมังค์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ มีเนื้อที่ทั้งหมด 77 ไร่ 2 งาน 75.7/10 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 651 มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 2 แปลง
ลักษณะพื้นที่ตั้งของวัด เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีส่วนโค้งบางแห่งทางทิศใต้ ตั้งอยู่กลางเมืองศรีสะเกษ อาณาเขตติดต่อทิศเหนือ ติดต่อถนนชัยสวัสดิ์ ทิศใต้ ติดต่อที่ดินของชาวบ้าน ทิศตะวันออก ติดต่อถนนศรีสุมังค์ ทิศตะวันตก ติดต่อที่ดินของชาวบ้าน และโรงเรียนเทศบาล 1 (วัดเจียงอี) สิ่งปลูกสร้างที่สำคัญภายในวัด[4]พระอุโบสถสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2496 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2499 เป็นอาคารคอนรีตเสริมเหล็ก กว้าง ๙ เมตร ยาว ๒๕ เมตร ต่อมาในปี 2553 ได้บูรณะใหม่ในพื้นที่เดิม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 11.50 เมตร ยาว 28.50 เมตร ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระประธานในอุโบสถ หล่อด้วยทองเหลือง ขนาดหน้าตักกว้าง 44 นิ้ว สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2496 โดยคุณละม้าย ลิ้มอักษร เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย พระวิหารสร้างเมื่อ พ.ศ. 2507 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2512 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น กว้าง 18 เมตร ยาว 40 เมตร ประดิษฐานพระพุทธชินราช (จำลอง) เป็นพระประธานในพระวิหารชั้นบน ขนาดหน้าตักกว้าง 59 นิ้ว หล่อด้วยทองเหลือง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดยมีคุณอรพิน เกษชุมพล เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย วิหารพระพุทธไสยาสน์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2520 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น กว้าง 12 เมตร ยาว 40 เมตร หลังคาโค้งแบบประทุน ชั้นบนเป็นห้องโถง ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ขนาดยาว 27 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ในเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2518 นามว่า พระพุทธสิริเกศมงคล ชั้นล่างเป็นห้องโถง และมีห้องพักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม จำนวน 4 ห้อง พระวิหารพระแก้วศรีวิเศษสร้างเมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร หลังคาทรงไทย มุงกระเบื้อง ประดิษฐานพระแก้วศรีวิเศษ เป็นพระประธานยู่ในวิหาร ขนาดหน้าตักกว้าง 79 นิ้ว สร้างด้วยหินหยกสีเขียวจากประเทศอินเดีย ปางมารวิชัย โดยมีคุณศรีสุข รุ่งวิสัย เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย กุฎีสงฆ์จำนวน 24 หลัง สร้างด้วยไม้ 13 หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 9 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ จำนวน 2 หลัง กุฎีเจ้าอาวาสสร้างเมื่อ พ.ศ. 2501 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น จำนวน 1 หลัง ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 18 เมตร ศาลาเอนกประสงค์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2547 เป็นอาคารชั้นเดียว คอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นหินขัด มีผนังหนึ่งด้าน ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร ศาลาบำเพ็ญกุศลจำนวน 3 หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ฌาปนสถานสร้างเมื่อ พ.ศ. 2521 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ยกพื้นสูง 2.50 เมตร หลังคาเป็นมณฑป ติดลายปูนปั้น ศาลาหอฉันสร้างเมื่อ พ.ศ. 2553 จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารชั้นเดียวโล่ง ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 12 เมตร พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก เสาคอนกรีต หลังคาทรงไทยประยุกต์ หอระฆังสร้างเมื่อ พ.ศ. 2529 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 2.5 เมตร สูง 8 เมตร หอกลองสร้างเมื่อ พ.ศ. 2529 เป็นอาคารคอนรีตสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 2.5 เมตร สูง 8 เมตร หอพระไตรปิฎกสร้างเมื่อ พ.ศ. 2521 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาจตุรมุข ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร โรงเรียนพระปริยัติธรรมสร้างเมื่อ พ.ศ. 2527 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น 9 ห้องเรียน จำนวน 1 หลัง ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 40 เมตร ลำดับเจ้าอาวาสลำดับเจ้าอาวาสจากอดีต - ปัจจุบัน เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่ เริ่มแรกจึงไม่มีผู้บันทึกหรือจำได้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าอาวาส เท่าที่มีหลักฐานปรากฏไว้ ดังนี้[5]
อ้างอิง |