อำเภอสว่างแดนดิน
สว่างแดนดิน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสกลนคร เดิมมาจากเมืองสว่างแดนดิน จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น อำเภอสว่างแดนดิน และในปี พ.ศ. 2482 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาจากบ้านหัน มาตั้ง ณ หมู่ที่ 11 ตำบลสว่างแดนดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน[1] โดยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ของวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ได้มีการขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง ซึ่งมี สส.จากพรรคพลังประชารัฐ 2 รายเป็นผู้เสนอญัตติ คือ ชัยมงคล ไชยรบ สมาชิกสภาผู้แทนราฎรจังหวัดสกลนคร เขต 5 พร้อมกับ สุธรรม จริตงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 และมีสส.จำนวน 20 คน เป็นผู้รับรองญัตติดังกล่าว โดยเป็นญัตติที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับญัตติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เพื่อจัดคิวให้นำเสนอที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป[2] ประวัติในปีพุทธศักราช 2406 รัตนโกสินทร์ ศก. 82 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตั้งบ้านภูหว้าฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงขึ้นเป็นเมืองภูวดลสอางเมืองหนึ่ง ตั้งบ้านโพธิ์สว่างฝั่งขวาแม่น้ำโขงขึ้นเป็นเมืองสว่างแดนดินเมืองหนึ่ง ตั้งบ้านกุดลิงฝั่งขวาแม่น้ำโขงขึ้นเป็นเมืองวานรนิวาสเมืองหนึ่ง ทั้งสามเมืองเป็นเมืองขึ้นเมืองสกลนคร เมืองภูวดลสอาง ริมน้ำบั้งไฟ แขวงเมืองมหาชัย ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงนั้น โปรดเกล้าให้แต่งตั้งราชบุตรเหม็นเมืองสกลนคร เป็นพระภูวดลรักษ์เป็นเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงได้พาเอาบุตรภรรยา สมัครพรรคพวกของตนอพยพครอบครัวข้ามโขงไปยังเมืองภูวดลสอาง ตั้งบ้านเรือนทำการรักษาป้องกันราชอาณาเขตมิให้ญวน ซึ่งเป็นศัตรูกรุงสยามล่วงล้ำเข้ามากดขี่ไพร่ราษฎร์ให้ได้รับความเดือดร้อน ส่วนเมืองสว่างแดนดิน นั้น โปรดเกล้าให้ท้าวเทพกัลยา ผู้เป็นหัวหน้าไทยโย้ย (ไทยเผ่าหนึ่ง) คือ พระสิทธิศักดิ์ เป็นเจ้าเมืองยกบ้านโพธิ์สว่าง หาดยาวริมน้ำห้วยปลาหาง ในเขตเมืองสกลนครเป็นเมืองสว่างแดนดิน บ้านโพธิ์สว่างขณะนี้เรียกตำบลสว่างอยู่ในเขตอำเภอพรรณนานิคม โดยพระสิทธิ์ศักดิ์ (หำ พงศ์สิทธิศักดิ์) เป็นเจ้าเมือง 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2424 ได้ย้ายเมืองจากบ้านโพธิ์สว่างหาดยาวไปตั้งอยู่บ้านโคกสี (ปัจจุบันเป็นตำบลโคกสี อยู่ในเขตปกครองอำเภอสว่างแดนดิน) ตั้งอยู่บ้านโคกสีเป็นเวลา 14-15 ปี จึงย้ายไปจากบ้านโคกสี ไปตั้งอยู่ที่บ้านหัน (ปัจจุบันบ้านหันอยู่ในเขตปกครองตำบลสว่างแดนดิน) พุทธศักราช 2445 โปรดเกล้าฯ ที่เปลี่ยนระเบียบการปกครองใหม่เปลี่ยนนามเมืองเป็นอำเภอ ให้เจ้าเมืองเป็นนายอำเภอ ราชวงศ์เป็นสมุห์บัญชี ราชบุตรเสมียนตราอำเภอเมืองสว่างแดนดิน เป็นอำเภอบ้านหัน โดยมีพระสิทธิศักดิ์เป็นนายอำเภอคนแรก จนปีพุทธศักราช 2452 อำเภอบ้านหัน เป็นชื่อเรียกกันมาจนพุทธศักราช 2482 นายสุพัฒน์ วงศ์รัตนะ นายอำเภอขณะนั้น ได้สืบประวัติของนายอำเภอบ้านหันได้ความว่า เดิมชื่อเมืองสว่างแดนดิน ตามที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พระราชทานนาม จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอสว่างแดนดิน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และ ในปีเดียวกันนี้ได้ย้ายที่ว่าการจากบ้านหัน มาตั้ง ณ หมู่ที่ 11 ตำบลสว่างแดนดิน ที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอสว่างแดนดินตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคอำเภอสว่างแดนดินแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 16 ตำบล 189 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่อำเภอสว่างแดนดินประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 18 แห่ง ได้แก่
สถานศึกษาโรงเรียนรัฐบาลโรงเรียนระดับประถมศึกษา
โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา
โรงเรียนเอกชน
สถานพยาบาลมีการให้บริการด้านสาธารณสุข โดยมีสถานบริการดังนี้
สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่สำคัญ
ปราสาทขอมบ้านพันนา หรือ "กู่พันนา" ตั้งอยู่ที่บ้านพันนา ตำบลพันนา อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปทางทิศตะวันออกประมาณ 15 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กิโลเมตร ทางถนนสายสกลนคร-อุดรธานี ลักษณะของตัวปราสาทมียอดเดียว ฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างด้วยศิลาแลง บริเวณใกล้กับตัวปราสาทมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่อด้วยศิลาแลงเป็นชั้น ๆ มีน้ำขังตลอดปี เชื่อว่าสร้างสมัยเดียวกับปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ปราสาทบางส่วนยังคงสภาพสมบูรณ์ กู่พันนา เป็นศาสนสถานประจำ สถานพยาบาลเรียกว่า “อโรคยศาล” สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม ประกอบด้วยปราสาทประธานทรงสี่เหลี่ยมก่อมุข ทางด้านหน้าหรือด้านทิศตะวันออกและวิหารที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่มุขด้านหน้าก่อด้วยศิลาแลงและหินทรายล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง มีโคปุระหรือประตูซุ้มขนาดใหญ่ทางด้านทิศตะวันออก นอกกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้มีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากรุด้วย ศิลาแลง จากการขุดแต่งในปี 2542 พบโบราณวัตถุที่สำคัญ ได้แก่เศียรพระวัชรธร ชิ้นส่วนพระโพธิสัตว์วัชรปราณีทรงครุฑ พระยมทรงกระบือ พบชิ้นส่วนพระกรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมเหล่านี้เป็นรูปเคารพ ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน รูปแบบเขมรแบบบายน (ราว พ.ศ. 1720-1780) กรมศิลปากรประกาศ "กู่พันนา" เป็นโบราณสถานของชาติเมื่อ 8 มีนาคม 2478 และประกาศขอบเขต เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2525 พื้นที่ 4 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา[3]
ตั้งอยู่ที่บ้านพันนา ตำบลพันนา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2545 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุ ที่กรมศิลปากรขุดค้นได้จากการขุดบูรณะปราสาทขอมบ้านพันนา ได้แก่ ห่วงคอสัมฤทธิ์ ภาพเขียนสี และอื่น ๆ อีกมากมาย
ตั้งอยู่ที่บ้านดอนวังเวิน ตำบลสว่างแดนดิน เป็นเจดีย์ที่สร้างครอบสถูปเก่าที่สร้างด้วยศิลาแลง สมัยขอม ยุคเดียวกันกับปราสาทขอมบ้านพันนา
เป็นที่ดอนมีป่าไม้หนาแน่น เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้วคอยปกปักรักษาคุ้มครองลูกหลานให้มีความสุข ชาวบ้านที่มีเรื่องทุกข์ร้อนจะพากันมาบนบานเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ ในแต่ละปีจะมีการจัดงานเพื่อทำพิธีบวงสรวงในช่วงเดือนเมษายน
สวนสมเด็จย่า หรือ หนองคู เป็นหนองน้ำสาธารณะ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสว่างแดนดิน มีการปรับปรุงให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นลานกีฬาชุมชน เป็นสถานที่ใช้ประกอบกิจกรรมในงานวันลอยกระทงประจำปี
วัดใหม่บ้านตาล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร พระบรมธาตุเจดีย์นี้ หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ ได้นำชาวบ้านตาลและชาวบ้านใกล้เคียง คณะญานุศิตย์และพุทธศาสนิกชน ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อวันอังคารที่ ๑๕ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ แรม ๑๐ ค่ำเดือน ๖ ปีมะโรง และแล้วเสร็จเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก รวมระยะเวลาในการก่อสร้าง ๔ ปี ๕ เดือน ๒๗ วัน เป็นพระบรมธาตุ ๙ ยอด (โลกสุตรธรรม ๙) ฐานสี่เหลี่ยมทรงระฆังคว่ำขนาดกว้าง ๓๖.๕๐ × ยาว ๓๙.๕๐ × สูง ๔๑.๙๑ เมตร ประดิษฐาน ณ วัดบ้านตาล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร แบ่งเป็น ๓ ชั้น
บ้านโคกคอน เป็นหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในเขตการปกครองหมู่ที่ 2 ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร แม้ว่าชุมชนปัจจุบันจะมีประวัติการตั้งถิ่นฐานย้อนหลังไปไม่เกิน 300 ปีที่ผ่านมา ทว่ามรดกทางวัฒนธรรมโบราณทั้งที่ปรากฏอยู่บนพื้นผิวดิน และที่ทับถมอยู่ใต้ดินแสดงให้เห็นว่า บนพื้นที่หมู่บ้านแห่งนี้มีการอยู่อาศัยของผู้คนมาไม่น้อยกว่า 4,000 ปี
อ่างเก็บน้ำห้วยทราย ชลประทานสว่างแดนดิน บ้านโคกสว่างเหนือ ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร สถานที่ราชการ และหน่วยงานสำคัญ
อ้างอิง
|