ซลาตัน อิบราฮีมอวิช
ซลาตัน อิบราฮีมอวิช (บอสเนีย-โครเอเชีย-มอนเตเนโกร-เซอร์เบีย: Zlatan Ibrahimović, ภาษาสวีเดน: [ˈslǎːtan ɪbraˈhǐːmʊvɪtɕ], ภาษาบอสเนีย: [zlǎtan ibraxǐːmoʋitɕ]; เกิด 3 ตุลาคม ค.ศ. 1981) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสวีเดนเชื้อสายบอสเนียและโครเอเชีย[3] เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยชนะเลิศถ้วยรางวัล 34 รายการ เขาทำประตูในการแข่งขันทางการมากถึง 570 ประตู โดยในจำนวน 500 ประตูนี้เป็นการทำประตูในระดับสโมสร และทำประตูในการแข่งขันทางการได้ 4 ทศวรรษติดต่อกันตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ถึง 2020 เขามีจุดเด่นในด้านการทำประตูผาดโผน เช่น ลูกยิงจักรยานอากาศ และ การทำประตูจากการยิงลูกวอลเลย์ รวมทั้งเทคนิคการเล่นอันเหนือชั้น, การควบคุมลูกบอล และความแข็งแรงของร่างกาย อิบราฮีมอวิชเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับมัลเมอ เอฟเอฟ ใน ค.ศ. 1999 และย้ายร่วมทีมอาเอฟเซ อายักซ์ในอีกสองฤดูกาลต่อมา ซึ่งที่นี่เองที่เขายกระดับการเล่นของตนเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป โดยมีส่วนสำคัญพาทีมชนะการแข่งขันลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์อย่างฟุตบอลเอเรอดีวีซี 2 สมัย ต่อมา เขาย้ายร่วมทีมยูเวนตุสในเซเรียอา และลงเล่นเป็นเวลาสองฤดูกาลก่อนย้ายไปร่วมทีมคู่แข่งอย่างอินเตอร์มิลาน ซึ่งเขาคว้าแชมป์เซเรียอาติดต่อกัน 3 สมัย และในช่วงเวลานั้นเองที่ชื่อเสียงของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขาเป็นที่สนใจของสโมสรใหญ่ และตามมาด้วยการย้ายร่วมทีมบาร์เซโลนาในฤดูร้อน ค.ศ. 2009 ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดตลอดกาล ซึ่งเขาคว้าแชมป์ได้ 5 รายการรวมถึงแชมป์ลาลิกา, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ แต่จากปัญหาในการปรับตัว และการเล่นที่ไม่เข้ากับระบบทีม เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งฤดูกาลในสเปน ก่อนจะย้ายกลับสู่อิตาลีอีกครั้งเพื่อร่วมทีมเอซีมิลาน และชนะเลิศการแข่งขันเซเรียอาในฤดูกาลแรกที่ย้ายร่วมทีม เขาย้ายร่วมทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งใน ค.ศ. 2012 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี และก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่โด่งดังและมีอิทธิพลสูงที่สุดในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส[4] ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลที่ฝรั่งเศส อิบราฮีมอวิชคว้าแชมป์ลีกเอิง 4 สมัยติดต่อกัน รวมทั้งแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศอีก 7 รายการ และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลลีกเอิงจำนวน 3 ฤดูกาล รวมถึงกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรในขณะนั้น (156 ประตู) และในปัจจุบันเขายังครองสถิติผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสามของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง เขาย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหลังหมดสัญญาใน ค.ศ. 2016 และชนะเลิศฟุตบอลถ้วยสามรายการในฤดูกาลแรก ได้แก่ เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2016, ยูฟ่ายูโรปาลีก และ อีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2016–17 ภายหลังประสบปัญหาการบาดเจ็บ เขาอำลาสโมสรและย้ายไปร่วมทีมแอลเอ แกลักซีใน ค.ศ. 2018 และทำได้มากกว่า 50 ประตูตลอดเวลาสองฤดูกาล เขาย้ายกลับสู่อิตาลีอีกครั้งกับเอซีมิลาน และคว้าแชมป์เซเรียอาครั้งที่ 5 ในอาชีพใน ค.ศ. 2022[5] และประกาศเลิกเล่นอาชีพในปีต่อมา อิบราฮีมอวิชเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดผู้เล่นที่ลงสนามให้ทีมชาติสวีเดนครบ 100 นัด ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ลงเล่น เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสวีเดนจำนวน 62 ประตู และมีส่วนร่วมในรายการระดับเมเจอร์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2002, ฟุตบอลโลก 2006 และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอีก 4 ครั้ง (ค.ศ. 2004, 2008, 2012 และ 2016) เขาได้รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสวีเดนเป็นสถิติสูงสุด 12 ครั้ง โดยเป็นการคว้ารางวัล 10 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ ค.ศ. 2007–2016 นอกจากนี้ ประตูจากลูกยิงจักรยานอากาศที่เขาทำได้ในนัดที่แข่งกับอังกฤษยังได้รับรางวัลปุชกาชของฟีฟ่าในฐานะประตูยอดเยี่ยมใน ค.ศ. 2013[6] และเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขายังเป็นที่จดจำจากการทำประตูอย่างสวยงามอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป[7] อิบราฮีมอวิชได้รับเกียรติประวัติส่วนตัวมากมาย เขามีชื่ออยู่ในฟีฟ่าฟิฟโปร หรือ 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกใน ค.ศ. 2013 รวมทั้งมีชื่อในทีมแห่งปีของยูฟ่า 4 ครั้ง (ค.ศ. 2007, 2009, 2013 และ 2014) และอันดับ 4 ในการประกาศรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ 2013 ต่อมาใน ค.ศ. 2015 สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปยกย่องเขาในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลที่ไม่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[8] รวมทั้งการยกย่องจากนิตยสารโฟร์โฟร์ทู ให้เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดอันดับสามตลอดกาลที่ไม่เคยชนะเลิศการแข่งขันรายการนี้[9] เขายังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักกีฬาชาวสวีเดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยใน ค.ศ. 2014 หนังสือพิมพ์ในประเทศอย่าง Dagens Nyheter ยกย่องให้เขาเป็นนักกีฬาชาวสวีเดนที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับสอง ต่อจากตำนานนักเทนนิสอย่างบิยอร์น บอร์ก[10] เขายังมีชือเสียงจากการมีวาทกรรมที่คมคาย ในการให้สัมภาษณ์สื่อรวมทั้งการวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามหรือแม้แต่เพื่อนร่วมทีม และมักเรียกตนเองต่อหน้าคู่สนทนาว่าเป็น "The God" หรือผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด[11] เกียรติประวัติรางวัลระดับสโมสร
ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด รางวัลส่วนบุคคล
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ซลาตัน อิบราฮีมอวิช วิกิคำคมมีคำคมเกี่ยวกับ ซลาตัน อิบราฮีมอวิช
|