กอเทนเบิร์ก
57°42′32″N 11°58′28″E / 57.708870°N 11.974560°E กอเทนเบิร์ก (อังกฤษ: Gothenburg) หรือ เยอเตอบอร์ย (สวีเดน: Göteborg ) เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศสวีเดน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 5 ของกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวีเดน ในเมืองมีประชากรประมาณ 580,000 คน หากนับในเขตมหานครจะมีทั้งหมดประมาณหนึ่งล้านคน[1] กอเทนเบิร์กถูกก่อตั้งใน ค.ศ. 1621 โดยได้รับหนังสือแต่งตั้งจากสำนักพระราชวังตามคำสั่งของกษัตริย์กุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟ ซึ่งมีความตั้งใจให้เป็นนิคมการค้าซึ่งมีระบบป้องกันที่แข็งแรง กษัตริย์ได้ให้เอกสิทธิ์พิเศษ เช่น การลดหย่อนภาษี กับชาวดัตช์ซึ่งเป็นพันธมิตรจากสงครามสามสิบปี และยังเชิญชวนพันธมิตรทั้งชาวเยอรมันและชาวสกอตให้มาอยู่ในเมืองหนึ่งเดียวของเขาบนชายฝั่งตะวันตก เมืองตั้งอยู่ปากแม่น้ำเยอตาซึ่งเป็นที่ลุ่มน้ำไหลกลับสู่ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย กอเทนเบิร์กเป็นเมืองท่าทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนอร์ดิก[5] มีการทำประมง และมีรถยนต์กับผลิตภัณฑ์ไม้เป็นสินค้าส่งออก กอเทนเบิร์กมีประชากรเป็นนักศึกษาจำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเยอเตอบอร์ยและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชามเมอร์ส์ บริษัทรถยนต์ วอลโว่ ก่อตั้งในเมืองกอเทนเบิร์กเมื่อปี ค.ศ. 1927[6] บริษัทหลักอื่น ๆ ได้แก่ SKF และ แอสตราเซเนกา ก็ถูกก่อตั้งใจเมืองนี้เช่นกัน สนามบินที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน คือ ท่าอากาศยานเยอเตอบอร์ย-ลันด์เวตเตร์ ตั้งอยู่ 30 กิโลเมตรจากกลางเมือง ส่วนสนามบินอีกที่ชื่อว่า ท่าอากาศยานเมืองเยอเตอบอร์ย มีขนาดเล็กกว่า และตั้งอยู่ 15 km (9.3 mi) จากใจกลางเมืองถูกเลิกใช้ใน ค.ศ. 2015 เมืองเป็นเจ้าภาพงานหลายงานประจำปีซึ่งใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย เทศกาลหนังกอเทนเบิร์กที่จัดในเดือนมกราคมมาตั้งแต่ ค.ศ. 1979 เป็นเทศกาลหนังแนวหน้าของแถบสแกนดิเนเวียที่มีผู้เข้าชมกว่า 155,000 คนต่อปี[7] ในช่วงหน้าร้อน มักมีการจัดเทศกาลดนตรีขึ้นในเมือง เช่น Way Out West และ Metaltown ที่มาของชื่อเมืองถูกตั้งชื่อตามชนเผ่ากีทส์ (อังกฤษ: Geats, สวีเดน: Götar, อังกฤษเก่า: Gēatas, นอร์สเก่า: Gautar, รูปแบบอื่น: Goths, Gotar, Gøtar) ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเยอตาลันด์ (Götaland) ซึ่งปัจจุบันอยู่ทางตอนใต้ของประเทศสวีเดน[8][9][10] เมืองตั้งอยู่บนปากแม่น้ำเยอตาหรือแม่น้ำกอเทีย เยอตาบอร์ย หรือ "ป้อมปราการกอเทีย" เป็นป้อมปราการบนแม่น้ำเยอตา ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันท่าเรือ ในภาษาดัตช์ ภาษาสกอต และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่มีประวัติร่วมกับเมืองนี้เป็นเวลายาวนาน ล้วนใช้ชื่อกอเทนเบิร์ก ใน ค.ศ. 2009 สภาเทศบาลนครได้เปิดตัวสัญลักษณ์ใหม่ของกอเทนเบิร์ก ด้วยความที่ชื่อ "เยอเตอบอร์ย (Göteborg)" มีตัวอักษรภาษาสวีเดน "ö" จึงเกิดความคิดที่จะทำให้ชื่อมีความสากลมากขึ้นด้วยการหันตัว "ö" ไปข้าง ๆ ชื่อเมืองจึงมักถูกเขียนว่า "Go:teborg" บนป้ายในเมือง[11] ประวัติในช่วงต้นยุคใหม่ รูปทรงของเขตแดนประเทศสวีเดนทำให้กอเทนเบิร์กมีความสำคัญทางชัยภูมิ โดยเป็นประตูสู่ทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศสวีเดนซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก โดยเป็นพื้นที่แคบ ๆ ระหว่างเขตฮาลันด์ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์กทางทิศใต้ และเขต บูฮุสแลน ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของนอร์เวย์ทางทิศเหนือ กอเทนเบิร์กก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1621 โดยกษัตริย์กุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟ หลังความพยายามที่ล้มเหลวหลายครั้ง[12] สถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งแรกในเมืองกอเทนเบิร์ก ซึ่งต่อมาถูกทำลายโดยผู้บุกรุกชาวเดนมาร์กตอนนี้มีหินเป็นเครื่องหมาย อยู่ใกล้กับปลายฝั่งเหนือของสะพาน Älvsborg ในสวน Färjenäs โบสถ์ถูกสร้างใน ค.ศ. 1603 และถูกทำลายใน ค.ศ. 1611[13] เมืองได้รับอิทธิพลจากชาวดัตช์ ชาวเยอรมัน และชาวสกอต และนักวางแผนกับวิศวกรชาวดัตช์เป็นผู้ถูกรับจ้างให้สร้างเมือง ด้วยความที่พวกเขามีทักษะในการดูดน้ำออก และก่อสร้างบนพื้นที่ซึ่งเป็นแอ่งน้ำ เมืองถูกออกแบบคล้ายกับเมืองของชาวดัตช์ เช่น อัมสเตอร์ดัม, ปัตตาเวีย (จาการ์ตา), และ นิวอัมสเตอร์ดัม (แมนแฮตตัน)[12] รูปแบบของถนนและคลองของกอเทนเบิร์กมีความคล้ายกับของเมืองจาการ์ตาซึ่งถูกสร้างในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน[14] แต่เดิมชาวดัตช์เป็นผู้กุมอำนาจทางการเมืองกระทั่ง ค.ศ. 1652 เมื่อนักการเมืองชาวดัตช์คนสุดท้ายในสภาเมืองได้เสียชีวิตลง ชาวสวีเดนจึงได้รับอำนาจทางการเมืองของกอเทนเบิร์ก[15] ในช่วงที่เมืองถูกปกครองโดยชาวดัตช์ กฎหมายดัตช์ถูกนำมาใช้และภาษาดัตช์ถูกใช้เป็นภาษาทางการของเมือง กำแพงเมืองถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ใน ค.ศ. 1807 ได้มีคำสั่งให้ทำลายกำแพงเมืองส่วนใหญ่ลง งานทำลายเริ่มเมื่อ ค.ศ. 1810 ดำเนินการโดยทหาร 150 นาย[16] นอกจากชาวดัตช์ เมืองยังได้รับอิทธิพลจากชาวสกอตซึ่งเข้ามาตั้งรกรากในกอเทนเบิร์ก โดยหลายคนได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียง[17] วิลเลียม ชามเมอร์ส์ ผู้เป็นบุตรชายของผู้อพยพชาวสกอต ได้บริจาคทรัพย์สินของเขาเพื่อสร้างมหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้ใช้ชื่อว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชามเมอร์ส์[18] ใน ค.ศ. 1841 อเล็กซานเดอร์ เคลเลอร์ ได้ก่อตั้ง บริษัทต่อเรือ Götaverken ซึ่งดำเนินกิจการจนถึง ค.ศ. 1989[19] ลูกชายของเขาได้บริจาคสวนเคลเลอร์ให้เมืองในค.ศ. 1906[20] ตราอาร์มกอเทนเบิร์กมีฐานมาจากเสือของตราแผ่นดินของสวีเดน โดยถือโล่ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำชาติ มงกุฎ 3 อัน เพื่อปกป้องเมืองจากศัตรู[21] ภายใต้สนธิสัญญาโรสกิลด์ (ค.ศ. 1658) เดนมาร์ก–นอร์เวย์ ได้สละอาณาเขตฮาลันด์ทางใต้ซึ่งในตอนนั้นเป็นของเดนมาร์ก รวมถึงอาณาเขตปูฮุสแลนของนอร์เวย์ซึ่งอยู่ทางเหนือ ให้โอกาสกอเทนเบิร์กได้เติบโตเป็นเมืองท่าและศูนย์การค้าที่สำคัญบนชายฝั่งตะวันตก ด้วยความที่เป็นเมืองบนชายฝั่งตะวันตกร่วมกับมัสตรันด์ (Marstrand) ที่มีสิทธิ์ค้าขายกับพ่อค้าจากประเทศอื่น[15] ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 การตกปลาเป็นอุตสาหกรรมซึ่งมีความสำคัญมากที่สุด อย่างไรก็ตามใน ค.ศ. 1731 Swedish East India Company ถูกก่อตั้งขึ้น เป็นผลให้เมืองเฟื่องฟูจากการค้าขายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าขายกับประเทศจีนซึ่งให้กำไรสูง[22] ท่าเรือของเมืองได้พัฒนาเป็นท่าเรือหลักของประเทศสวีเดนในการค้าขายกับฝั่งตะวันตก และเมื่ออัตราการอพยพของชาวสวีเดนไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น กอเทนเบิร์กกลายเป็นจุดหลักที่คนเหล่านี้จะออกเดินทาง จนทำให้มีเมืองในรัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่ากอเทนเบิร์ก เช่นกัน[23] กอเทนเบิร์กพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 โดยประชากรเมืองได้เพิ่มขึ้นสิบเท่าภายในหนึ่งศตวรรษ จาก 13,000 คนใน ค.ศ. 1800 เป็น 130,000 คนใน ค.ศ. 1900[24][25][26] ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 บริษัทหลักที่ถูกพัฒนาขึ้นได้แก่ SKF (ค.ศ. 1907)[27] และ วอลโว่ (ค.ศ. 1927)[28] ภูมิศาสตร์กอเทนเบิร์กตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสวีเดน อยู่กึ่งกลางระหว่างโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก และออสโลเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ การที่เมืองตั้งอยู่บนปากแม่น้ำเยอตาส่งผลให้เมืองเติบโตเป็นเมืองทางการค้าที่มีความสำคัญ หมู่เกาะของกอเทนเบิร์กประกอบไปด้วยหินและหน้าผา[29] กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมทำให้เมืองมีภูมิอากาศค่อนข้างอุ่นและมีฝนตกค่อนข้างบ่อย[30] เป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับสองของประเทศสวีเดนรองจากสต็อกโฮล์ม[31] เขตมหานครกอเทนเบิร์ก (สตอร์-เยอเตอบอร์ย) ภายในมณฑลเวสตรา เยอตาลันด์ และรวมเทศบาลคุงสบักกะ (Kungsbacka) ในมณฑลฮาลันด์ มีผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 982,360 คน[32] อากาศกอเทนเบิร์กมีภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทร[33] แม้อยู่บนละติจูดเหนือ แต่ก็อุ่นกว่าที่อื่นบนละติจูดคล้ายกัน เช่น สต็อกโฮล์ม หรือ แม้กระทั่งเมืองที่อยู่ใต้กว่า ด้วยผลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม[30] ในฤดูร้อนกลางวันมีความยาวถึง 18 ชั่วโมง 5 นาที ทว่าในปลายเดือนธันวาคมเหลือเพียง 6 ชั่วโมง 32 นาที เท่านั้น ฝนตกเป็นเรื่องปกติ มักไม่หนักและเกิดขึ้นทั้งปี หิมะมักตกระหว่างธันวาคมและมีนาคม ทว่าอาจพบได้ในเดือนพฤศจิกายนและเมษายน หรือบางทีในเดือนตุลาคมและพฤษภาคม หรือแม้กระทั่งในเดือนกันยายน[34]
วัฒนธรรมวัฒนธรรมของชาวกอเทนเบิร์กสะท้อนถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับทะเล การค้าขาย และอุตสาหกรรม โดยกอเทนเบิร์กยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมบนชายฝั่งตะวันตก พิพิธภัณฑ์สถาบันทางวัฒนธรรม รวมถึงโรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย หลายแห่งถูกก่อตั้งจากเงินบริจาคจากพ่อค้าผู้มั่งคั่งและนักอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์เรอส์สกา (Röhsska Museum)[37] เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2004 พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโลก (Museum of World Culture) เริ่มเปิดให้เข้าชม[38][39] พิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกอเทนเบิร์ก และหลาย ๆ ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางทะเลและการนำทาง พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาและ พิพิธภัณฑ์สวีเดนอีสอินเดีย (Svenska Ostindiska Companiet)[40] แอโรเซียม (Aeroseum) เป็นพิพิธภัณฑ์อากาศยานที่เคยเป็นฐานกองทัพอากาศมาก่อน[41] พิพิธภัณฑ์วอลโว (Volvo museum) แสดงประวัติและการพัฒนาของวอลโวตั้งแต่ ค.ศ. 1927 จนถึงปัจจุบัน[42] ยูนิเวอร์เซียม (Universeum) เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์สาธารณะซึ่งเปิดใน ค.ศ. 2001[43] สันทนาการสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดสนใจมากที่สุดได้แก่ ลิสแบร์ย (Liseberg) ซึ่งตั้งอยู่ส่วนกลางของเมือง และเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวียนับจากจำนวนเครื่องเล่น[44] ลิสแบร์ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบสวนสนุกที่ดีที่สุดในโลกโดยฟอบส์ ใน ค.ศ. 2005[45] และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมที่สุดในประเทศสวีเดนเมื่อนับจำนวนผู้เข้าชมต่อปี (มากกว่า 3 ล้านคน)[46] ในเมืองมีโรงละครตั้งอยู่หลายแห่งด้วยกัน[47] ถนนหลักของเมืองชื่อว่า คุงสปอตชาเวนิน (Kungsportsavenyn) หรือเป็นที่รู้จักในนาม อเวนึน (Avenyn) มีความยาวประมาณ 1 km (0.6 mi) เริ่มจากเยอตาพลัตเซน (Götaplatsen) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะกอเทนเบิร์ก โรงละครเมือง และหอสมุดเมือง รวมไปถึงหอประชุมที่จัดคอนเสิร์ต ยาวไปจนถึง คุงสปอตชปลัตเซน (Kungsportsplatsen) ในเขตเมืองเก่า[48] อเวนิน ถูกสร้างขึ้นช่วงทศวรรษ 1860 ถึง 1870 จากผลการประกวดสถาปัตยกรรมนานาชาติ และเป็นผลผลิตของช่วงวางผังและออกแบบเมืองใหม่[49] อเวนิน ยังเป็นแหล่งรวมบาร์และสถานเริงรมย์ของเมือง ใจกลางเมืองมีห้างสรรพสินค้าซึ่งใหญ่ที่สุดในกอเทนเบิร์กคือ นอร์ดสตาน (Nordstan)[46] ย่านฮากะของเมืองกอเทนเบิร์กเป็นที่รู้จักจากม้าไม้อันงดงาม[46] และคาเฟ่ซึ่งขาย ฮากะบูเล่ หรือซินนามอนโรลขนาดใหญ่คล้าย คาเนลบูเล่ (kanelbulle)[50] ในค.ศ. 2008 มีร้านอาหารห้าแห่งในกอเทนเบิร์กได้รับดาวจาก มิชลินไกด์ ได้แก่ 28 +, Basement, Fond, Kock & Vin, Fiskekrogen และ Sjömagasinet[51] หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในกอเทนเบิร์กได้แก่หมู่เกาะกอเทนเบิร์กใต้ (södra Göteborgs skärgård) ซึ่งมีเกาะ Älvsborg fortress, Vinga และ Styrsö[46] เทศกาลและงานแสดงเทศกาลภาพยนตร์กอเทนเบิร์กเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย[52] งานหนังสือกอเทนเบิร์กถูกจัดขึ้นทุกเดือนกันยายนของปี[53] เทศกาลวิทยาศาสตร์นานาชาติในกอเทนเบิร์กถูกจัดขึ้นทุกปีตั้งแต่ เมษายน ค.ศ. 1997 โดยมีผู้เข้าชมมากกว่า 100,000 คนในแต่ละปี[54] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ กอเทนเบิร์ก วิกิท่องเที่ยว มีคำแนะนำการท่องเที่ยวสำหรับ Göteborg
|