สมชัย ศรีสุทธิยากร
รองศาสตราจารย์ สมชัย ศรีสุทธิยากร ม.ป.ช. ม.ว.ม. (เกิด 23 ตุลาคม พ.ศ. 2501) นักวิชาการชาวไทย อดีตข้าราชการบำนาญมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง[2] อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2564 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย (สร.)[3]รับตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ก่อนลาออกใน วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ประวัติเป็นชาวจังหวัดสมุทรสาคร จบการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (สพบ.)[4] รับราชการเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. ตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองอธิการบดี ฝ่ายวางแผนพัฒนาและเทคโนโลยี มธ.[1] เคยมีประสบการณ์เป็นกรรมการองค์กรกลางการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2536 เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) เมื่อ พ.ศ. 2540–2545[1] นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์สมชัย ยังเป็นเจ้าของตำรา ‘คู่มือความสามารถทั่วไป สอบบรรจุเข้าเป็นราชการพลเรือน ก.พ.’ และเปิดบรรยายติวสอบภาค ก. เพื่อรับราชการท้องถิ่น เกี่ยวกับ กม. 11 ฉบับ นับแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พรบ.การบริหารราชการแผ่นดิน พรบ.ท้องถิ่น ต่าง ไปจนถึง ระเบียบงานสารบรรณ[5] ประวัติการศึกษา
ประสบการณ์การทำงานพ.ศ. 2553 ที่ปรึกษาการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากร สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ที่ปรึกษาการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2553 ที่ปรึกษาการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ข้าว ในส่วนการตลาดภายในประเทศ และการบริหารจัดการขนส่งและบริการ (Logistics) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2552–2553 ที่ปรึกษาในการจัดการให้มีกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชุดที่ 3 พ.ศ. 2552 ที่ปรึกษาในการจัดระบบการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชุดที่ 3 โดยทำหน้าที่จัดเวทีสาธารณะในพื้นที่ต่าง ๆ 9 เวที ใน 9 จังหวัด กระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ พ.ศ. 2550 กรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2550 หัวหน้าทีมที่ปรึกษาในการประเมินผลการทำงานของกองทุนในสังกัดกระทรวงการคลัง จำนวน 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ กองทุนแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการครู กองทุนรวมแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร และกองทุนแก้ไขปัญหาราคาอ้อยและน้ำตาล พ.ศ. 2550 ที่ปรึกษาการประเมินผลการใช้เครื่องมือสมัยใหม่ในการบริหาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) พ.ศ. 2548–2553 ที่ปรึกษาการวางแผนยุทธศาสตร์ (Strategic Plan) แผนบริหารการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) แผนจัดการความรู้ (KM.) แผนพัฒนาคุณภาพการบริหารการจัดการ (PMQA) และ การจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการและตัวชี้วัดผลสำเร็จในการทำงาน (KPIs.) สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่ปรึกษาด้านการวางแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี กระทรวงแรงงาน พ.ศ. 2548 ที่ปรึกษาการวางแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี วุฒิสภา พ.ศ. 2547–2548 ที่ปรึกษาการทำแผนข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2547–2548 ที่ปรึกษาการวางแผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนใต้ 4 จังหวัด (สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์) พ.ศ. 2547–2548 หัวหน้าทีมที่ปรึกษาในการประเมินการทำงานตามยุทธศาสตร์และแผนการปฏิบัติงานของกระทรวงมหาดไทย ในนามของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) และบริษัท TRIS พ.ศ. 2547 หัวหน้าทีมที่ปรึกษา การประเมินผลการปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ 2 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา สตูล) บริษัท Thai Rating and Information Services (TRIS) พ.ศ. 2545 หัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านมวลชนสัมพันธ์ โครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (แหลมผักเบี้ย) โดยจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน 4 จังหวัด คือ นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี จำนวน 60 เวที พ.ศ. 2561 สมชัยถูกถอดจากตำแหน่ง กกต. ด้วยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561 ความเห็นทางการเมืองหลัง คสช. มีประกาศให้เลื่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้ปกครองท้องถิ่น สมชัยเห็นว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นจะกลับมาเป็นปกติเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เขากล่าวว่าการหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่ คสช. กำหนดจะไม่เป็นปัญหา และ กกต. พร้อมมีส่วนในกระบวนการสรรหา[7] สมชัยกล่าวในคำแถลงซึ่งชี้ความแตกต่างระหว่างเหตุการณ์ในประเทศไทยและประเทศสกอตแลนด์ในคราวร่วมสังเกตการณ์การลงประชามติเอกราชสกอตแลนด์ พ.ศ. 2557 ว่า "ผู้สนับสนุนเอกราชของสกอตแลนด์และผู้คัดค้านเป็นมิตรต่อกัน ต่างฝ่ายต่อสู้ด้วยเหตุผล ไม่มีความรุนแรง"[8] สมชัยแสดงความเห็นเกี่ยวกับการขายเสื้อรณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญว่าอาจจะเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 มาตรา 61 (1) ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท ทั้งนี้ ศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดไม่เกิน 5 ปีด้วยก็ได้[9] สมชัยกล่าวต่ออีกว่า ส่วนมาตรา 56 ของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใด ๆ เพื่อเป็นการให้คุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง กรณีนี้ คสช. ไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ไม่ใช่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว หรือพนักงานของรัฐ) แต่ คสช. สามารถใช้อำนาจหน้าที่ผ่านเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดังนั้น จึงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้อำนาจดังกล่าวที่อาจเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง และมาตรา 169 (4) ของรัฐธรรมนูญ กำหนดว่า คณะรัฐมนตรีต้องไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดอันอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง กรณีนี้เป็นการบังคับในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้น คสช. ที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการดำเนินการใด ๆ ที่อาจมีผลต่อการเลือกตั้ง[10] ต่อมา สมชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้เตรียมเข้าไปสมัครเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.00 น. และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรสาคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ในวันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.30 น. ก่อนวันประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ประกาศเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และมีมติสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย สมชัย ศรีสุทธิยากรได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรค โดยกล่าวว่า
ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 สมชัยได้เริ่มเขียนนิยายสั้นล้อเลียนการเมืองเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัว และแฟนเพจที่ลิงก์กับเฟซบุ๊กส่วนตัว ใช้ชื่อว่า "สามก๊กฉบับชาติวิบัติ" โดยมีการประยุกต์เอาสำนวนของวรรณกรรมสามก๊ก ตลอดจนวรรณกรรมอื่น ๆ มาเขียนโดยล้อกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดยได้มีการรวมเล่มพิมพ์ออกจำหน่ายแล้ว 2 เล่ม[11] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูล |